- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงเฉลิมพระปรมาำิภิไธยว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
- เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันจันทร์ ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ จุลศักราช 1289 รัตนโกสินทร์ศก 146 ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2470 ณ โรงพยาบาลเมานท์ ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเสตต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งสมเด็จพระบรมราชชนกทรงศึกษาวิชาการแพทย์อยู่
- ทรงเป็นพระโอรสองค์ที่สาม ทรงมีพระเชษฐภคินี 1 พระองค์คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และสมเด็จพระบรมเชษฐา 1 พระองค์คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทุกพระองค์ประสูติในต่างประเทศ
- เสด็จกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรกพร้อมสมเด็จพระบรมราชชนก และสมเด็จพระบรมราชชนนี เมื่อพระชนม์ได้ 1 ชันษา ในเดือนธันวาคม 2471
- ทรงสูญเสียทูลกระหม่อมพ่อตั้งแต่พระชนม์ไม่ถึง 2 พรรษาโดยสมเด็จพระบรมราชชนกทรุงพระประชวร และเสด็จสวรรคต ในวันที่ 24 กันยายน 2472
- ทรงศึกษาเล่าเรียนในต่างประเทศตลอดพระชนม์ชีพเว้นแต่ในช่วงพระชนมพรรษา 5 พรรษา ได้เสด็จเข้าศึกษาในโรงเรียนมาแตร์เดอี 1 ปี ก่อนเสด็จไปประทับที่เมืองโลซานน์ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
- ทรงจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซานน์ ชั้นมัธยมจากโรงเรียนเอกอล นูแวล เดอ ลา ซืออิส โรมองด์ เมืองแชลลีซูร โลซานน์ ต่อมาในปี 2481 ทรงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนยิมนาส คลาสสิค กังโตนาล เมืองโลซานน์ ทรงได้รับประกาศนียบัตรทางอักษรศาสตร์ จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยโลซานน์โดยทรงเลือกแผนกวิทยาศาสตร์
- เสด็จนิวัติประเทศไทยครั้งที่สอง วันที่ 5 ธันวาคม 2488 ขณะพระชนมพรรษา 18 พรรษา
- เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จสวรรคตในวันที่ 9 มิถุนายน 2489 คณะรัฐบาลได้กราบบังคมทูลอัญเชิญพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์สืบสันตติวงศ์แทน แต่เนื่องจากยังทรงมีพระราชภารกิจด้านการศึกษา จึงเสด็จฯกลับประเทศสวิสเซอร์แลนด์เพื่อทรงศึกษาต่อด้านรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์
- ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยองค์ที่สองหลังประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตยโดยทรงมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์พระประมุข
- ทรงหมั้นกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ธิดาองค์ใหญ่ของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492
- ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสที่วังสระปทุมในวันที่ 28 เมษายน 2493 และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯสถาปนา ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ และเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในเดือนต่อมา
- พระราชพิธีบรมราชาภิเษก มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง ได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า "เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"
- ทรงมีพระราชธิดา 3 พระองค์ และพระราชโอรส 1 พระองค์ โดยทุกพระองค์ประสูติที่เมืองไทย ยกเว้นพระราชธิดาองค์โตคือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประสูติทีเมืองโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
- ทรงพระผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวังเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับจำพรรษา ณ พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหารเป็นเวลา 15 วัน โดยทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และต่อมาได้โปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยศักดิ์ข้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
- เสด็จเยือนต่างประเทศเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2502 โดยเสด็จเยือนเวียดนามเป็นประเทศแรก และเสด็จเยือดแคนาดาเป็นประเทศสุดท้ายในปี 2510 รวมทั้งสิ้น 31 ครั้ง 28 ประเทศ และนับแต่นั้นมามิได้เสด็จออกนอกพระราชอาณาจักรอีกเลยจนกระทั่งปี 2537 ทรงเสด็จเยือนประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น
- การเสด็จเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการยาวนานที่สุดกินเวลา 7 เดือนเต็มมีขึ้นเมื่อปี 2503 โดยเสด็จเยือน 14 ประเทศในภูมิภาคยุโรปและอเมริกา
- จตุรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตั้งอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเสตต์ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ และสะท้อนความภาคภูมิใจของชาวเมืองเคมบริดจ์ในฐานะที่เป็นเมืองเดียวของสหรัฐอเมริกาที่เคยมีพระมหกษัตริย์เสด็จพระราชสมภพ
- ทรงขึ้นชื่อว่าเป็นอัครศิลปิน เพราะทรงเปี่ยมด้วยพระอัฉริยะภาพหลายด้าน โดยทรงศึกษาด้วยพระองค์เองจากตำราต่าง ๆ ในด้านจิตรกรรมทรงเริ่มสนพระทัยวาดภาพเมื่อพระชนมพรรษาได้ 10 พรรษา และทรงวาดภาพอย่างจริงจังเมื่อปี 2502 โดยมักทรงใช้เวลาในตอนค่ำหลังว่างจากพระราชภารกิจ แต่นับจากปี 2510 เป็นต้นมา ก็มิได้ทรงเขียนภาพอีกเลย
- เมื่อปี 2525 ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์จำนวน 47 ภาพ ไปจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์ ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่พระมหากษัตริย์ ซึ่งยังทรงดำรงสิริราชสมบัติอยู่ ทรงแสดงภาพจิตรกรรมในฐานะศิลปินเดี่ยว
- ด้านปติมากรรม ทรงศึกษาค้นคว้าเทคนิควิธีการต่าง ๆ ทั้งงานปั้น หล่อและทำแม่พิมพ์ งานประติมากรรมฝีพระหัตถ์แบบลอยตัว เก็บรักาาที่ตู้พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต มี 2 ชิ้นคือ รูปปั้นผู้หญิงเปลือยนั่งคุกเข่า ปั้นด้วยดินน้ำมัน และพระรูปปั้นครึ่งพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ
- โปรดการถ่ายรูปและถ่ายภาพยนตร์ เช่นเดียวกับสมเด็จพระบรมราชชนนี ทรงเป็นนักถ่ายรูปที่มีพระปรีชาสามารถยิ่ง ทรงจัดทำห้องมืดขึ้นที่ชั้นล่างตึกทำการสถานีวิทยุ อ.ส. ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ส่วนใหญ่เป็นแบบฉับพลันทันเหตุการณ์ ซึ่งทรงบันทึกไว้ระหว่างเสด็จฯไปตามสถานที่ต่าง ๆ
- ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ทุกภาพ จะทรงจัดให้มีหมายเลขประจำภาพ เช่น ภาพครอบครัว, พระราชพิธี, ภาพราษฎรที่มาเฝ้า รวมถึงภูมิประเทศต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ
- ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานที่ใด จะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่งคือ แผนที่ ซึ่งทรงจัดทำขึ้นเอง, กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ โดยเวลาทรงงานจะทรงใช้ยางลบเสมอ เมื่อทรงพบเห็นอะไรก็จะทรงขีดเขียนลงบนแผนที่ เช่นเดียวกับที่สมเด็จพระบรมราชินีทรงกระทำมาก่อน
- ทรงเคยประดิษฐ์ของเล่นด้วยพระองค์เอง เป็นเครื่องร่อนและเรือรบจำลอง
- ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลก ที่ทรงได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ์ คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย หรือกังหันน้ำชัยพัฒนาเมื่อปี 2536
- กีฬาที่ทรงโปรดของพระองค์คือ แบดมินตัน, สกี และเรือใบ
- เมื่อปี 2507 ทรงต่อเรือใบที่ใช้งานได้จริงลำแรก เป็นเรือมาตรฐานสากลประเภทเอ็นเตอร์ไพรส์ คลาส พระราชทานชื่อว่า "ราชปะแตน" และปล่อยเป็นปฐมฤกษ์ในคูน้ำรอบสวนจิตรดา
- ทรงต่อเรือใบพระที่นั่งด้วยพระองค์เองมาแล้วหลายลำ รวมถึงเืรือชื่อ มด ซุปเปอร์มด และไมโครมด ซึ่งจดทะเบียนระดับนานาชาติประเภท Moth Class ที่ประเทศอังกฤษ
- นอกจากจะทรงโปรดเครื่องดนตรีเป่าทุกชนิดแล้ว ยังทรงกีตาร์และเปียโนด้วย ทรงเป็นผู้นำด้านการประพันธ์เพลงสากลของเมืองไทย โดยใส่คอร์ดดนตรีแปลกใหม่และซับซ้อน ทำให้เกิดเสียงที่เข้มข้น
- เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงซื้อคือ คลาริเน็ต เมื่อพระชนมพรรษา 10 พรรษา
- ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรกเมื่อพระชนมพรรษา 18 พรรษา โดยเพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ "แสงเทียน" และจนถึงขณะนี้ พระราชนิพนธ์เพลงไว้แล้ว 47 เพลง
- เมื่อเดือนธันวาคม 2529 ทรงเริ่มใช้คอมพิวเตอร์พระราชนิพนธ์คำร้องและโน้ตเพลงครั้งแรก
- ทรงพระราชนิพนธ์เพลงประจำมหาวิทยาลัยหลายแห่ง อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- ทรงตั้งวงดนตรี "อ.ส. วันศุกร์" ย่อมาจากชื่อพระที่นั่งอัมพรสถาน สถานที่ทรงก่อตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียง ส่วนวันศุกร์คือ วันที่ทรงดนตรีเป็นประจำ
- ทรงมีพระปรีชาสามารถโดดเด่นด้านภาษา โดยทรงถนัดทั้งภาษาฝรั่งเศส,เยอรมัน และอังกฤษ
- นอกจากจะทรงพระราชนิพนธ์หนังสือไว้หลายเรื่อง อาทิ พระราชนิพนธ์เรื่อง "พระราชกิจรายวันของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล" และเรื่อง "เมื่อข้าพเจ้าจากสยามมาสู่สวิสเซอร์แลนด์" ยังทรงอุทิศเวลาให้กับพระราชนิพนธ์แปลด้วย เช่น นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ, ติโต และพระมหาชนก ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษจากพระไตรปิฎก
- พระราชนิพนธ์เรื่อง "พระมหาชนก" เสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 2531 ทรงมีพระราชประสงค์ให้จัดพิมพ์ในวโรกาสพระราชพิธีฉลองปีกาญจนาภิเษก เมื่อปี 2539
- ทรงเป็นพระมหากษัตร์ย์พระองค์แรกของโลก ที่ทรงขับรถยนต์พระที่นั่งด้วยพระองค์เอง โดยเป็นระยะทางไกลจากกรุงเทพฯ ถึงจังหวัดเชียงใหม่
- เมื่อวันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2531 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติยาวนานยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดของประเทศไทย
- เสด็จฯทรงเปิดโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน สายเฉลิมรัชมงคลสายแรกของประเทศและประทับรถไฟใต้ดิน เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2547
- ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์,ดีโซฮอล์ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20 ปี
- ทรงมีสุนัขทรงเลี้ยง 34 ตัว มีคุณทองแดง สุวรรณชาด เป็นสุนัขทรงโปรด ได้รับฉายาว่า สุนัขประจำรัชกาล
- ทรงช่วยเหลือประชาชนให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ด้วยการสนับสนุนให้เสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่เกษตรกร ทำให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้อย่างยั่งยืน
- โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริโครงการแรกคือ โครงการสร้างถนนเข้าสู่หมู่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหัน
- ทรงริเริ่มโครงการนาข้าวทดลองในบริเวณสวนจิตรลดา จากนั้นทรงริเริ่มโครงการโรงโคนม จัดตั้งเป็นโรงโคนมสวนจิตรลดา เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่การเลี้ยงโคนมอย่างถูกวิธี
- จนถึงปัจจุบัน มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริแล้วเกือบ 3 พันโครงการมีทั้งเรื่องการศึกษา,สิ่งแวดล้ม,สาธารณสุข,สวัดิการสังคม และชลประทาน
- โครงการหลวง เป็นโครงการที่ทรงริเริ่มขึ้น เมื่อปี 2512 เพื่อช่วยเหลือชาวเขาทางภาคเหนือให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เลิกปลูกฝิ่นและหันมาปูกพืชเศรษฐกิจแทน
- เนื่องจากทรงห่วงใยพสกนิกรที่ต้องทนทุกข์จากการอาศัยในถิ่นทุรกันดาร ขาดแคลนน้ำ จึงทรงริเริ่มโครงการฝนหลวง โดยทดลองปฏิบัติการในท้องฟ้าครั้งรก ที่บริเวณอุทยานเขาใหญ่ เมื่อปี 2512
- ทรงริเริ่มโครงการเพื่อการศึกษาไว้มากมาย โดยทรงตั้งทุนภูมิพล พระราชทานทุนการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ส่วนทุนเล่าเรียนหลวงริเริ่มขึ้นในสมัย ร.5 และยกเลิกไป เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง ภายหลังทรงรื้อฟื้นขึ้นใหม่ในปี 2508 เพื่อส่งนักเรียนไทยไปศึกษาในต่างประเทศ นำความรู้กลับมาพัฒนาบ้านเมือง
- โรงเรียนร่มเกล้าแห่งแรกตั้งขึ้น เมื่อปี 2515 ณ บ้านหนองแคน อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม
- ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งศูนย์การศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริตามภูมิภาคต่าง ๆ รวม 6 แห่ง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาชนบท
- โครงการพระดาบส เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริจัดตั้งขึ้นปี 2519 เพื่อให้การศึกษาแก่บุคคลทั่วไป ไม่จำกัดเพศ วัย และวุฒิการศึกษา
- ในปี 2535 องค์การอนามัยโลกได้ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญเทิดพระเกียรติ ในฐานะที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้านสุขภาพอนามัยเพื่อปวงชนชาวไทยอย่างกว้างขวาง
- ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งหน่วยรักษาพยาบาลที่ปากทางเข้าพระราชฐานเกือบทุกแห่ง โดยไม่คิดค่ารักษา
- ชาวบ้านจำนวนมากทุกข์ทรมานจากโรคฟัน จึงทรงให้จัดตั้งหน่วยทันตแพทย์เคลื่อนที่
- ทรงก่อตั้งมูลนิธิเพื่อการพัฒนาประเทศไว้หลายแห่ง รวมถึงมูลนิธิชัยพัฒนา เน้นช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาเร่งด่วน ซึ่งทางราชการไม่สามารถดำเนินการพัฒนาได้ทันที
- โครงการแก้มลิง เป็นโครงการที่ทรงคิดค้นเพื่อระบายน้ำท่วมขัง และกักน้ำไว้ใช้ในยามแห้งแล้ง
- ในห่วงที่เกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจทรงพระราชทานปรัชญาสำคัญแก่ประชาชนชาวไทย นั่นคือ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางการดำรงชีพอย่างพอเีพียง โดยยึดหลักทางสายกลาง
- ล่าสุดทางสหประชาชาติ นำโดย "โคฟี อันนัน" ได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล "ความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์" แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ยูเอ็นยกย่องว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนา ซึ่งทรงริเริ่มปรัชญาสำคัญ ๆ ไว้มากมายโดยเฉพาะเศรษฐกิจพอเพียง ได้รับการชื่นชมไปทั่วโลกและมีหลายประเทศนำไปใช้เป็นแบบอย่างในการพัฒนา
เป็นการรวบรวมความรู้ทั่วไปทั้งของไทยและสากล เพื่อใช้ในการเพิ่มเสริมความรู้ เพื่อใช้ในการเตรียมตัวสอบเข้า สอบเลื่อนขั้นหรือใช้ในการอ้างอิงเขียนรายงาน ด้วยข้อมูลที่ถูกต้องทันสมัยที่สุด
วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554
ในหลวงของเรา
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น